หากใครที่อยากมีรถสักคัน แต่อยากได้ในงบที่เข้าถึงง่าย รถมือสองคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาพาหนะคู่ใจสำหรับใช้เดินทาง แต่ทั้งนี้ การซื้อรถมือสองเองก็มีสิ่งที่เราต้องพึงระวังมากมาย
และเพื่อป้องกันการซื้อรถที่เคยมีประวัติอุบัติเหตุ น้ำท่วม ไฟไหม้ เบื้องต้นควรตรวจสอบส่วนไหนบ้าง ไปดูเช็คลิส 5 จุด ที่ต้องดูได้เอง สำหรับมือใหม่
1. ตรวจสภาพตัวถังรถ
ตัวถังรถ คือ ชิ้นส่วนโลหะโครงสร้างของรถ เป็นโครงเหล็กตามรูปร่างรถ เป็นคนละชิ้นส่วนกับแซสซี หรือ คัทซี ที่มีลักษณะเป็นโครงเหล็ก โดยมันจะเชื่อมต่อกับทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง เพลาขับ รวมถึงช่วงล่างเอาไว้ด้วยกัน (แม้ว่าปัจจุบัน สองส่วนนี้หลายโรงงานจะผลิตเป็นชิ้นเดียวกันแล้วบ้าง)
- รูปทรง
- ตรวจว่ารถสมมาตร หรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งไหม เพราะว่าเป็นโครงหลักที่ขนาดใหญ่มาก คงไม่มีใครพิเรนทร์ ถอดออกมาประกอบเล่น นอกจากเกิดเหตุบางอย่าง ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง จุดนี้เลยเป็นจุดที่ทำให้สังเกตุได้ง่ายด้วยตาเปล่าจุดหนึ่ง
- สีตัวถัง:
- เคาะฟังเสียง (เสียงโปร่ง = สีเดิม, เสียงทึบ = โป๊วสีมา)
- ตรวจสอบความสม่ำเสมอของสี ชิ้นส่วนไหนใหม่ผิดปกติอาจเคยซ่อมสี
2. ตรวจสอบตะเข็บและคาน
- รอยหัวน็อตและคาน:
- มีรอยเคาะ/สีใหม่ = อาจเคยชนหรือซ่อม
- สติ๊กเกอร์จากศูนย์:
- ควรอยู่ในสภาพเดิม ไม่ซีดหรือใหม่เกินไป
- แก้มข้าง:
- รอยนูนทั้งสองฝั่งควรเท่ากัน
- ขอบประตู:
- ให้ลองดึงขอบยางประตูดูรอยอาร์กต้องมีครบทุกขอบ ส่วนนี้อาจะเป็นเหมือนตำหนิ แต่จริงๆ มันแสดงว่ารถคันนี้ไม่เคยผ่านการเปลี่ยนมาก่อน เป็นโครงเดิม
- พื้นท้ายรถ:
- รอยลอนใต้ช่องยางอะไหล่ควรเป็นลอนเดิม ไม่มีร่องรอยการเคาะหรือซ่อม
3. ตรวจช่วงล่าง เครื่องยนต์ และเกียร์
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องสังเกตุตั้งแต่เริ่มขับ ที่สำคัญเลย คือ ต้องลองเครื่องตอนเครื่องยังเย็นอยู่ (บางทีผู้ขายอาจจะแอบสตาร์ทเครื่องเอาไว้แล้ว)
เพราะแม้ภายนอกจะดูดี แต่เวลาขับจริง เราก็ต้องลองทดสอบการขับขี่ว่าถูกใจ ระบบต่างๆ ยังมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยดีตามอายุการใช้งานอยู่หรีอเปล่าด้วยหรือไม่
- เครื่องยนต์:
- ต้องลองสตาร์ทเครื่อง และฟังดูว่าเครื่องเดินเรียบ ไม่มีเสียงผิดปกติ รวมถึงท่อไอเสียต้อง ไม่มีควันออกจากปลายท่อหรือก้านวัดน้ำมันเครื่อง
- ระบบของเหลว (น้ำมัน, น้ำหม้อน้ำ) อยู่ในสภาพดี
- เกียร์
- เกียร์ออโต้ : ใส่เกียร์ D ต้องเดินหน้าได้ทันที
- เกียร์ธรรมดา: เกียร์เข้าง่าย ไม่มีเสียงหอน
- ช่วงล่าง:
- ไม่มีเสียงแกร๊กตอนเลี้ยว หรือเสียงกุกกักจากโช้ก(ช่วงล่าง)
- เบรกไม่มีเสียงแปลก ๆ และจานเบรกไม่มีสนิม
4. ตรวจระบบภายในรถ
- แอร์:
- เช็คความเย็น ว่าแอร์รถนั้นเย็นสม่ำเสมอ ไม่มีเสียงหรือกลิ่นแปลกๆ
- ระบบไฟ:
- ไฟเลี้ยว ไฟหน้า-ท้าย ไฟฉุกเฉิน และ ไฟต่างๆ ต้องสามารถใช้งานได้ตามปกติ
- พวงมาลัยและเรือนไมล์:
- ไม่มีระบบไฟรวน หรือการปกปิดโดยการแปะเทปดำที่ไฟเตือน
- เลขไมล์:
- ตรวจสอบว่าเหมาะสมกับอายุรถ ถ้ารถคันไหนวิ่งเยอะ เกิน 20,000 km ต่อปี ก็อาจจะแปลว่าเดินทางมากกว่าปกติ เป็นรถที่เดินทางไกล
- พรมและเบาะ:
- แงะดูโครงเหล็กใต้เบาะว่ามีสนิมหรือร่องรอยน้ำท่วมหรือไม่ด้วย
5. ตรวจเอกสารและเลขตัวถัง
- เลขตัวถังและเครื่องยนต์:
- ต้องตรงกับเอกสารในเล่ม
- เล่มทะเบียน:
- ห้ามซื้อรถที่ไม่มีเล่มทะเบียนเด็ดขาด
- รายการเปลี่ยนแปลงรถ หน้า 18 ที่บันทึกโดยเจ้าหน้าที่ ว่ามีรายการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ถ้าหากมีการเปลี่ยนเล่มมาประวัติเดิมก็จะไม่เห็น ตรงนี้ทำให้ราคาตกลงได้ด้วยเช่นกัน
แม้ว่านี้จะเป็นเพียงการตรวจสอบด้วยตัวเองคร่าวๆ ว่ารถคันที่เราสนใจนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้าง หรือบางคนอาจจะจ้างคนมาตรวจประเมินสภาพรถก็ได้เช่นกันนะครับ แต่สุดท้ายแล้วการเลือกผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกซื้อรถมือสองเช่นกัน
ถ้าใครที่ซื้อรถมือสองแล้ว ต้องการเงินหมุนเวียน สามารถนำรถมารีไฟแนนซ์ได้ที่ ช.ที.เอ็ม ลิสซิ่ง อนุมัติง่าย เอกสารน้อย ครอบครองเพียง 1 วัน เราก็รับพิจารณานะครับ